เมนู

ออกแห่งรูป ได้พบความสลัดออกแห่งรูป ได้เห็นด้วยดีด้วยปัญญา ฯลฯ
เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เราได้เที่ยวแสวงหาคุณแห่งธรรมารมณ์ ได้
พบคุณแห่งธรรมารมณ์ ได้เห็นด้วยดีด้วยปัญญา เราได้เที่ยวแสวงหาโทษ
แห่งธรรมารมณ์ ได้พบโทษแห่งธรรมารมณ์ ได้เห็นด้วยดีด้วยปัญญา
เราได้เทียวแสวงหาความสลัดออกแห่งธรรมารมณ์ ได้พบความสลัดออก
แห่งธรรมารมณ์ ได้เห็นด้วยดีด้วยปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่
รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายนอก 6 เหล่านี้โดยเป็นคุณ
ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออก เพียงใด
ฯลฯ ก็ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้วแก่เราว่าความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาติ
นี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่ไม่มี.
จบ ทุติยอัสสาทสูตรที่ 4

อรรถกถาอัสสาทสูตรที่ 3 - 4


ในสูตรที่ 3 และสูตรที่ 4 ก็เหมือนกัน ( กับสูตรที่ 1 - 2 )
จบ อรรถกถาอัสสาทสูตรที่ 3 - 4

5. ปฐมโนอัสสาทสูตร


ว่าด้วยการปฏิเสธคุณและโทษแห่งอายตนะ


[ 17 ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าคุณแห่งจักษุจักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์
ทั้งหลายก็จะไม่พึงกำหนัดในจักษุ แต่เพราะคุณในจักษุมีอยู่ ฉะนั้น สัตว์
ทั้งหลายจึงกำหนัดในจักษุ ถ้าโทษแห่งจักษุจักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย

ก็จะไม่พึงเบื่อหน่ายในจักษุ แต่เพราะโทษแห่งจักษุมีอยู่ ฉะนั้น สัตว์
ทั้งหลายจึงเบื่อหน่ายในจักษุ ถ้าความสลัดออกแห่งจักษุจักไม่มีแล้วไซร้
สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงสลัดออกจากจักษุ แต่เพราะความสลัดออกแห่งจักษุ
มีอยู่ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงสลัดออกจากจักษุ หู จมูก ลิ้น กาย
ถ้าคุณแห่งใจจักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็จะไม่พึงกำหนัดในใจ แต่
เพราะคุณแห่งใจมีอยู่ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงกำหนัดในใจ ถ้าโทษแห่ง
ใจจักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็จะไม่พึงเบื่อหน่ายในใจ แต่เพราะโทษ
แห่งใจมีอยู่ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงเบื่อหน่ายในใจ ถ้าความสลัดออก
แห่งใจจักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็จะไม่พึงสลัดออกจากใจ แต่เพราะ
ความสลัดออกแห่งใจมีอยู่ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงสลัดออกจากใจ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายยังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะ
ภายใน 6 เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งความสลัด
ออกโดยเป็นความสลัดออก เพียงใด สัตว์ทั้งหลายก็ยังไม่เป็นผู้ออกไป
พรากไป หลุดพ้นไปจากโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
จากหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ มีใจถูกครอบงำอยู่
เพียงนั้น แต่เมื่อใด สัตว์ทั้งหลายได้รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่ง
อายตนะภายใน 6 เหล่านั้น โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และ
ซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออก เมื่อนั้น สัตว์ทั้งหลายก็เป็นผู้
ออกไป พรากไป หลุดพ้นไปจากโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก
พรหมโลก จากหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ มี
ใจได้ถูกครอบงำอยู่.
จบ ปฐมโนอัสสาทสูตรที่ 5

อรรถกถาปฐมโนอัสสาทสูตรที่ 5


ในสูตรที่ 5 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า นิสฺสฏ แปลว่า ออกไปแล้ว. บทว่า วิสญฺญุตฺตา แปลว่า
ไม่ประกอบ. บทว่า วิปฺปมุตฺตา แปลว่า ไม่พ้นแล้ว. บทว่า วิปฺปริยา-
ทิกเตน เจตสา
ได้แก่ มีใจที่ไม่มีอะไรยึดไว้เป็นต้น. บทว่า ยํ ได้แก่
กิเลสชาตหรือวัฏฏะที่ยังละไม่ได้. จิตของพระเสขะทั้งหลาย เป็นอันชื่อว่า
อันกิเลสชาตหรือวัฏฏะยังยึดมั่นอยู่เป็นต้น แต่ในที่นี้ จิตที่อันกิเลสชาต
หรือวัฏฏะชื่อว่าไม่ยึดมั่นเป็นต้น เพราะกิเลสและวัฏฏะท่านละได้แล้วโดย
ประการทั้งปวง อธิบายว่า พระอริยเจ้ามีจิตปราศจากความยึดมั่น คือ
ก้าวล่วงการยึดมั่นของกิเลสวัฏฏะ.
จบ อรรถกถาปฐมในอัสสาทสูตรที่ 5

6. ทุติยโนอัสสาทสูตร


ว่าด้วยการปฏิเสธคุณและโทษแห่งอายตนะ


[ 18 ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าคุณแห่งรูปจักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์
ทั้งหลายก็จะไม่พึงกำหนดในรูป แต่เพราะคุณแห่งรูปมีอยู่ ฉะนั้น สัตว์
ทั้งหลายจึงกำหนัดในรูป ถ้าโทษแห่งรูปจักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย
ก็จะไม่พึงเบื่อหน่ายในรูป แต่เพราะโทษแห่งรูปมีอยู่ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลาย
จึงเบื่อหน่ายในรูป ถ้าความสลัดออกแห่งรูปจักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลาย
ก็จะไม่พึงสลัดออกจากรูป แต่เพราะความสลัดออกแห่งรูปมีอยู่ ฉะนั้น
สัตว์ทั้งหลายจึงสลัดออกจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ถ้าคุณแห่ง
ธรรมารมณ์จักไม่มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็จะไม่พึงกำหนัดในธรรมารมณ์